สถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยความทรงจำอันแสนยากลำบาก
ประวัติความเป็นมาของร้านบูล แอนด์ แบร์ สเต็กเฮ้าส์สามารถไล่เรียงกลับไปได้ถึงนิวยอร์กในช่วงปี ค.ศ.1930 ส่วนที่ว่าทำไมต้องเป็นหมีกับวัวนั้น ผมว่าถ้าใครเข้าๆ ออกๆ ตลาดหุ้นอยู่เป็นประจำ ก็คงจะรู้ความหมายของสิ่งนี้อยู่ ด้วยความที่เป็นหนี่งในต้นแบบร้านสเต็กระดับไฮเอนด์ ร้านบูล แอนด์ แบร์ จึงมีสาขาอยู่ในโรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรียมในหลายประเทศ โทรไปจองแต่เช้าตรู่ เพิ่งรู้ว่าที่แท้ผมเป็นแขกกลุ่มสุดท้าย หลังจากนั้นคือเต็มแล้ว (แบมือ)
ถึงอย่างไรที่นี่ก็คือโรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรียม โรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรียมที่เซี่ยงไฮ้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำหวงผู่ ส่วนที่กรุงเทพตั้งอยู่ข้างพระพรหมเอราวัณอันเลื่องชื่อ
ผมเคยร่วมตกแต่งภายในร้านบูล แอนด์ แบร์ ระดับความเข้มงวดในการเลือกใช้วัสดุของลูกค้า ผมบอกได้คำเดียวเลยว่าทุกคนต้องตกใจ สุดท้ายแทบจบเคสนี้ในสภาพที่ไม่ได้กำไรเลย ไม่มีคำไหนบรรยายถึงร้านสเต๊กแห่งนี้ได้นอกจากคำว่าสุดยอด งบประมาณในการตกแต่งภายในทั้งสามชั้นก็น่าตกตะลึงเช่นกัน ถ้าเจ้าของจุกจิกคิดมากไปบ้างก็พอเข้าใจและให้อภัยได้
หลังจากมาถึงโรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรียแล้วให้ตรงขึ้นไปชั้น55 จะรู้สึกถึงความหรูหราของบริเวณเคาน์เตอร์รับรอง ทัศนียภาพก็ดีเลิศ
ทันทีที่ผลักประตูเข้าไปก็จะได้เต็มอิ่มกับบรรยากาศบาร์ ในใจรู้สึกซาบซึ้งเล็กน้อยตั้งแต่เข้างานจนกระทั่งจบงาน
ที่ติดตาตรึงที่สุดเห็นจะเป็น Bull & Bear (รูปปั้นกระทิงกับหมี) นี่แหละ
วันนี้เลือกตามแบบที่พนักงานแนะนำ ซึ่งเขาคิดว่าเหมาะสำหรับรับประทานสองคน บางครั้งผมก็สงสัยว่าพวกเขาเคยรับประทานอาหารในร้านที่ตัวเองให้บริการหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นเขาจะแนะนำอาหารแก่ลูกค้าอย่างถูกต้องได้อย่างไรล่ะ?
อาหารจานหลักครั้งนี้ เรื่องราคาผู้อ่านทุกท่านวิเคราะห์กันเองก็แล้วกัน ราคาไม่ถูกดังนั้นจึงขอไม่เปิดเผย
เรื่องคุณภาพเนื้อกับวิธีการปรุงตอนนี้ยังไม่มีข้อเปรียบเทียบนัก เพราะไม่ได้กินเนื้อที่มีคุณภาพระดับเดียวกันและใช้วิธีการปรุงแบบเดียวกันก็เลยพูดยาก แต่ถ้าเปรียบเทียบกับร้านโชคชัยสเต๊กเฮ้าส์ โดยรวมรู้สึกว่าบรรยากาศในการรับประทานอาหารที่ร้านบูล แอนด์ แบร์ผ่อนคลายมาก (ด้วยความเป็นวอลดอร์ฟมันก็น่าจะเป็นอย่างนั้นอยู่หรอก) แต่ราคาก็ไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย… จะบอกว่าเป็นข้อเสียก็ไม่เชิง เอาเป็นว่าราคามาตรฐานของร้านนี้ก็คือแบบนี้แหละ
ในระหว่างทำงานที่นี่ ต้องเผชิญกับความขัดแย้งอย่างหนักภายในบริษัท เนื่องจากความไม่ชำนาญด้านเทคนิค ประกอบกับการปรับเปลี่ยนเป็นระบบดิจิตอลส่งผลกระทบต่อพนักงานเก่าๆ เพิ่งเริ่มเปลี่ยนเป็นระบบดิจิทอลไปได้ส่วนหนึ่งก็ประสบกับสภาวการณ์นี้แล้ว เป็นอะไรที่ชวนให้รู้สึกพังแท้ๆ แต่ว่าจะอีกกี่ปีให้หลัง นี่ก็คือเส้นทางที่ไม่ว่าอย่างไรต้องเดินไปอยู่ดี… ต่อมาก็คือพนักงานจากไป เจตนาใช้ทรัพยากรของบริษัทอย่างสิ้นเปลือง ถึงขนาดถือวิสาสะเปลี่ยนแผนงานด้วย
พอยืนหยัดจนเรื่องราวผ่านพ้นไปแล้ว การได้ลิ้มรสชาติของอาหารมื้อนี้เลยให้ความรู้สึกแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง
ดังนั้นวันนี้เลยอนุญาตให้ตัวเองได้ฟุ่มเฟือยสักหน่อย ที่แนบมาเป็นรูปการณ์ตกแต่งภายในระดับสุดยอดบางส่วน ช่างโชคดีที่ได้มีส่วนร่วมในการทำงานที่นี่ รู้สึกว่าได้สิ่งตอบแทนความพยายามของตัวเองกลับมาบ้าง
แปะ google map ไว้ด้านล่างนะครับ ให้คะแนน 4 ดาวอัพเลยครับ